อยากถ่ายรูปธรรมชาติสวยๆ ต้องห้ามพลาดที่ภูกระดึง เป็นจุดท่องเที่ยวที่ไปเท่าไหร่ก็ไม่รู้สึกเบื่อ และทักคนมักจะกลับมาพร้อมเพื่อนใหม่รวมถึงภาพความงดงามของธรรมชาติ ที่นำมาอวดเพื่อนๆ ที่บ้านกันเป็นประจำ ที่นี่ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งสำคัญของประเทศไทย ในแต่ละปีจะมีคนไทยและต่างชาต่างชาติเดินทางมาเพื่อท้าทายขีดความสามารถของตนเองไปให้ถึงจุดหมาย เพราะเส้นทางของภูเขาลูกนี้ขึ้นชื่อว่าสุดโหดมากสำหรับคนทั่วไป ใครที่ขึ้นสำเร็จก็จะรู้สึกได้เหมือนกับได้พิชิตเป้าหมายในชีวิต ที่ครั้งหนึ่งได้ขึ้นมาที่นี่แล้ว
สำหรับการเที่ยวภูกระดึงจะต้องรู้วันไปก่อน เพราะมันมีช่วงที่เรียก “วันเปิด” กับ “วันเปิด” โดยที่เจ้าหน้าจะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าได้ในช่วงเดือน ตุลาคม จนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม และจะไม่อนุญาติให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปหลังวันที่ 1 มิถุนายน ซึ่งใครที่อยู่ด้านบนจะต้องลงมาก่อน 14.00 น. สำหรับราคาบัตรจะเริ่มเปิดจำหน่ายตั้งแต่เวลา 07.00 น. เมื่อถึงเวลา 14.00 น. ทางเจ้าหน้าที่จะปิดไม่ให้ใครขึ้นไป เพราะถ้าขึ้นไปหลังเวลานี้เกรงว่าจะเกิดอันตราย กว่าจะขึ้นไปต้องใช้เวลาหลายชั่วโมง ทำให้มองไม่เห็นทางและอาจเกิดอันตรายขึ้นมาได้
จุดถ่ายรูปในยามเช้าบนภูกระดึง
ช่วงเวลาที่ถ่ายรูปสวยที่สุดของภูกระดึงคือตอนเช้า กับตอนเย็น เพราะเป็นช่วงเวลาที่พระอาทิตย์ขึ้น-ตก โดยเราจะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นกันที่ “ผานกแอ่น” ออกมาเตรียมตัวช่วงประมาณ 04.00 น. ถ้าตื่นมาโชคดีจะได้มองเห็นหมอกขึ้นหนาขาวไปทั่วบริเวณ ตัดกับแสงอาทิตย์ยามเช้าที่สาดส่องลงมาบนพื้น เหมาะกับการเก็บภาพเป็นที่ระลึกในยามเช้า
ถ้าอยากไปถ่ายภาพพระอาทิตย์ตกจะต้องไปที่ “ผาหมากดูก” เป็นจุดชมวิวที่ห่างจากที่พักประมาณ 2.5 กิโลเมตร เป็นจุดที่คนนิยมมาชมพระอาทิตย์ลับขอบฟ้ากันมากที่สุด ระหว่างทางอาจพบเห็นฝูงลิงตามหน้าผา ซึ่งมันมีนิสัยที่ค่อนข้างจะดุและไม่เป็นมิตรกับคนเท่าไหร่ ถ้าใครเห็นก็อย่าไปเข้าใกล้หรือออกมาให้ห่างเลย
อีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ “ผาหล่ม” ระยะทางค่อนข้างไกลอยู่พอสมควร โดยห่างจากที่ทำการมาเกือบ 10 กิโลเมตร มีลักษณะเป็นลานหินขนาดใหญ่ จุดเด่นคือมีต้นสนที่ยื่นออกไปริมผา เป็นจุดที่ช่างภาพทั้งหลายนิยมมาถ่ายภาพกันเป็นประจำ ถ้าใครมาถึงแล้วก็ขอแนะนำว่าอย่าพลาดมาเยี่ยมชมในจุดนี้ เพราะถือว่าเป็นไฮไลท์เด็ดสุดของภูกะดึงเลยก็ว่าได้ เนื่องจากไม่มีที่ไหนจะได้เห็นวิวพระอาทิตย์ตกได้ชัดเจนได้มากเท่านี้อีกแล้ว